
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เคารพรักและเทิดทูนของปวงชนชาวไทย เช่นเดียวกับพระมหาบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ แห่งราชวงศ์จักรีที่ปกครองประเทศชาติให้ผ่านพ้นผองภัย นานาประการมากว่า 200 ปี ในช่วงปีพุทธศักราช 2503 บรรดาประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา มีปัญหาการปกครองภายในเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ ลัทธิการเมืองใหม่ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งรุนแรง แต่ไทยเรารอดปลอดภัยมาได้เพราะพระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกคน โครงการงานในพระราชดำริมากมายที่พระองค์ทรงริเริ่ม ได้สร้างประโยชน์สุขให้แก่พสกนิกร ทั่วราชอาณาจักร เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของนานาประเทศ ถึงกับมีผู้กล่าวไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงแต่งานเป็นกิจวัตรหลัก เป็นที่น่าพิศวงยิ่งนัก แม้พระองค์จะทรงมีภารกิจต่างๆ มากมาย แต่พระองค์ก็ยังทรงมีเวลาสร้างสรรค์พระราชนิพนธ์ทางดนตรี ที่มีความไพเราะไว้มาก ซึ่งยังติดตรึงใจปวงชนชาวไทยตลอดมารายการเพลงพระราชนิพนธ์
ชื่อเพลง | ความเป็นมา |
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ ใน พ.ศ. 2489 ขณะยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย และท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา แต่งคำร้องภาษาอังกฤษ แล้วพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีคำต้องสมบูรณ์ให้นายเอื้อ สุนทรสนาน นำออกบรรเลงในงานของสมาคมปราบวัณโรค ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 นับเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่นำออกบรรเลงสู่ประชาชน เป็นเพลงที่ร่าเริงแจ่มใสเหมาะสำหรับการเต้นรำในสมัยนั้น จึงเป็นเพลงยอดนิยมของพสกนิกรไทยทันที | |
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 3 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2489 ขณะทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย ส่วนภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงแต่งร่วมกับท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา เพลงพระราชนิพนธ์สายฝนนี้ มีลีลานุ่มนวลอ่อนหวาน บรรเลงครั้งแรกในงานรื่นเริงของสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2489 จึงเป็นเพลงยอดนิยมของพสกนิกรไทยอีกเพลงหนึ่งจนถึงปัจจุบัน | |
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 4 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2489 ขณะทรงเป็นสมเด็กพระอนุชาธิราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์คำร้องภาษาไทย โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงช่วย ส่วนคำร้องภาษาอังกฤษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ประพันธ์ขึ้น และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงช่วยแก้ไข แล้วพระราชทานให้วงดนตรีสุนทราภรณ์นำออกบรรเลงครั้งแรกทางสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ปัจจุบัน) เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2489 | |
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 8 ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 ขณะประทับแรมบนภูเขาในเมืองดาโวส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย | |
เพลงพระราชนิพนธ์อันดับที่ 10 ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระ เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย | |
เพลงพระราชนิพนธ์อันดับที่ 11 ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ที่ใช้ Pentatonic Scale คือ 5 เสียง แทน Scale แบบสิบสองเสียง (Chromatic Scale) ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล ได้ขอพระราชทานเพลงประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานทำนองเพลงพระราชนิพนธ์นี้ให้ไปใส่คำร้องเอง ท่านผู้หญิง สมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา และนายสุพร ผลชีวิน จึงได้ประพันธ์คำร้องถวาย ต่อมาใน พ.ศ. 2497 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล นำทำนองเพลงพระราชนิพนธ์มหาจุฬาลงกรณ์มาแต่งเป็นแนวไทย นายเทวาประสิทธิ์รับพระราชทานมาทำและบรรเลงถวายด้วยวงปี่พาทย์ถึงสองครั้ง ภายหลังเมื่อนายเทวาประสิทธิ์ไปสนอในชมรมดนตรีสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้นำเพลงพระราชนิพนธ์นี้มาปรับปรุง เป็นเพลงโหมโรง สำหรับใช้โหมโรงในการบรรเลงดนตรีไทยของชมรม อาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระ เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น